SYZYGY :: Chapter07
020719 by monmyjs
ฝ่ามือที่ประคองใบหน้าอยู่กระชับให้ถนัดมือขึ้น ก่อนจะใช้ปลายนิ้วไล้ไปมาตามพวงแก้ม นิ้วโป้งนวดคลึงเบา ๆ อย่างเร้าอารมณ์ที่ริมฝีปากบางฉ่ำน้ำสีใส ส่งผลให้คนที่ฮีทจนใบหน้าแดงก่ำหมดสิ้นความอดทน
ชางกยุนยกมือขึ้นคล้องคอร่างสูงเอาไว้แล้วพยายามเขย่งขาขึ้นหวังจะประทับริมฝีปากอีกครั้ง แต่ทว่าฮยองวอนได้ยื้อใบหน้าออก ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของอีกฝ่าย
และชางกยุนไม่ยอมแพ้ คว้าต้นคอแล้วออกแรงรั้งใบหน้าของฮยองวอนให้ต่ำลงมาหา แต่คนที่พละกำลังที่มีมากกว่าก็ไม่ได้ขยับเลยสักนิดเดียว
“ฮื่อ!” ชางกยุนตีเข้ากับหน้าอกเข้าอย่างจังเมื่อไม่ได้ดั่งใจ แล้วตวัดสายตาขึ้นมองพลางหอบหายใจออกมาอย่างแรง
อาการฮีททั้ง ๆ ที่อยู่แนบชิดกับโซลเมททรมานยิ่งเสียกว่าการอยู่คนเดียว
ยิ่งฮยองวอนไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้... ฆ่าเขาให้ตายยังดีเสียกว่า
ฮยองวอนยังคงนิ่ง และเมื่อเป็นแบบนั้นชางกยุนจึงกลั้นใจจะเดินหนีเพื่อไปสงบสติ แต่แล้วร่างกายก็ถูกกระชากกลับไปในเหตุการณ์เดิม
ริมฝีปากประกบเข้าหากันแนบชิดอีกครั้ง บดเบียดสู้กันอยู่ไม่ห่าง ร่างสูงของผู้นำเขตพาคนที่ฮีทจนหมดสภาพการเป็นคนเดิมเดินไปยังเตียงนอนแล้วล้มลงจนแผ่นหลังอีกฝ่ายชิดสู่ฟูกที่นอน
กลิ่นหอมหวานของวานิลลาที่ปล่อยออกมาจากร่างกายของคนตัวเล็กตลอดเวลา นับเป็นสิ่งที่วัดใจเขาอยู่ไม่ใช่น้อย
การอดทนอดกลั้นต่อฟีโรโมนคู่ชีวิตเป็นการกระทำที่ฝืนธรรมชาติเหมือนที่อีกฝ่ายหนีไปฉีดยาเพื่อที่จะให้อาการฮีทน้อยลง
ฝืนธรรมชาติ ย่อมถูกธรรมชาติเล่นงานกลับ จึงต้องแบ่งปันสัมผัสซึ่งกันและกันเพื่อรักษาอาการ
เจ้าของใบหน้าหล่อผละออกมาจากริมฝีปากบางที่เริ่มบวมช้ำจากแรงกดจูบ ก่อนจะขบเม้มเป็นครั้งสุดท้ายจนเกิดเสียงร้องครางออกมา เขาก้มต่ำ คลอเคลียบริเวณรอบลำคอขาวที่มีสิ่งกีดขวางอยู่
เกะกะสิ้นดี
นัยน์ตาแปรเปลี่ยนไปตามสัญชาตญาณดิบ ก่อนจะกัดปลอกคอแล้วกระชากออกจนขาดวิ่น
“อ๊ะ!” เสียงร้องด้วยความเจ็บแสบดังขึ้น ฝ่ามือเริ่มตอบสนองต่ออาการโดยการจิกปลายเล็บเข้ากับลาดไหล่กว้าง
คมเขี้ยวและปลอกคอยามขาดออกขูดโดนผิวเนื้อจนเกิดรอยแดง ริมฝีปากร้อนตามไปประทับ ลากลิ้นโลมเลียไปมาเพื่อบรรเทารอยที่เกิดขึ้น
ก่อนจะเคลื่อนกายขึ้นลอบมองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเพลิงอารมณ์ที่กำลังถูกสร้างขึ้นทีละนิด ทีละนิด...
สมองขาวโพลนราวกับถูกบดบังด้วยเมฆหมอก ครั้นจะเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งออกก็ไร้เรี่ยวแรง ในตอนนี้เขารับรู้ได้แค่เสียงที่ดังอยู่ข้างหูและสัมผัสร้อนผ่าวตามร่างกายยามฝ่ามือหนาลากผ่านเท่านั้น
“ห้ามหนีไปฉีดยาอีก”
“อื้อ”
“รับปากมา”
“ฮื่อ!” ปลายเล็บจิกลงกับลาดไหล่จนเกิดรอยพร้อมเชิดใบหน้าขึ้นเมื่อถูกเคล้นคลึงตามช่วงเอวต่ำลงไปถึงโคนขาด้านใน
“ว่าไง”
“ม ไม่.. ไม่ทำ อื้อ...”
“ไม่ทำอะไร” ร่างสูงต้อนจนอีกฝ่ายจนมุม มือหนึ่งสอดเข้ากับเอวคอด อีกข้างหนึ่งลูบคลำเคล้นคลึงไปมาที่ส่วนอ่อนไหว จนร่างกายผวาขึ้นเกาะเกี่ยวคนบนร่างเอาไว้แน่น ก่อนจะฟุบใบหน้าลงกับไหล่กว้าง
แม้เสื้อผ้าจะอยู่ครบ แต่ก็ร้อนจนแทบมอดไหม้เป็นจุณ
“ไม่.. ไม่ฉีด.. ยาแล้ว”
“ฉันจะเชื่อนายได้แค่ไหน”
“...”
“นายมันดื้อ”
“ไม่... จะไม่ดื้อ”
“เหรอ... ให้มันจริง”
“อ๊า”
พายุอารมณ์โหมซัดจนแทบครางออกมาไม่เป็นภาษา เมื่อใบหน้าของฮยองวอนโฉบลงมากดจูบเนื้อผิวที่โผล่พ้นออกมาจากสาบเสื้อ ตั้งแต่ไหปลาร้าต่ำลงมาจนถึงหน้าอก หน้าท้องหดเกร็งยามริมฝีปากร้ายหลอกล่อวนเวียนปั่นป่วนให้สติเขาแตกกระเจิง ปลายนิ้วที่เคยจิกลงกับลาดไหล่กว้างเลื่อนลงมากำเข้ากับผ้าปูที่นอนแน่น
ฮยองวอนปลดเปลื้องเสื้อผ้าคนที่นอนบิดเร่าออกได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะหยัดกายขึ้นถอดสูทตัวนอกออกเป็นอย่างแรก แล้วโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานอันแดงก่ำ เขาก้มลงมาป้อนจูบอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนเองออกอย่างรีบร้อน
ฟีโรโมนของโอเมก้าคือสิ่งที่ปลุกปั้นสัญชาตญาณดิบของอัลฟ่าให้เดือดพล่าน เฉกเช่นเดียวกับฟีโรโมนของอัลฟ่าที่ปั่นป่วนโอเมก้าจนสติแตกกระเจิง
ชางกยุนกำลังดำดิ่งลงไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ทั้งมืดมิด และเหน็บหนาว สองมือตะเกียกตะกายหวังจะให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้
แต่แล้วพายุลูกใหญ่ได้แทรกผ่านเข้ามาในร่างกาย ทั้งปวดแสบ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดี ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ย้อนแย้งที่สุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“โอ๊ย!”
เสียงโอดครวญร้องลั่นเมื่อรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมในร่างกายบางอย่าง หยาดน้ำตาสีใสเอ่อล้นเต็มรอบหน่วยตา ร่างกายดีดดิ้นไม่หยุดเมื่อรับรู้ถึงความคับแน่นที่มากยิ่งขึ้น ศีรษะทุยสะบัดไปมาพร้อมกัดกลีบปากตัวเองแน่นจนเลือดซิบอย่างต้องการหาที่ระบาย
ฮยองวอนตามมาป้อนจูบอีกครั้ง แทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากหวานฉ่ำเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กได้ทำร้ายตัวเอง ดูดเม้มและไล้กลีบปากล่างบริเวณที่ของเหลวสีแดงไหลซึมออกมาอย่างอ่อนโยน จนกระทั่งร่างที่เคยนอนแดดิ้นด้วยความเจ็บจากใจกลางร่างค่อย ๆ สงบลง
ร่างสูงละใบหน้าออกมา กดจูบไปตามใบหน้าชื้นเหงื่อ ดอมดมกลิ่นหอมหวานที่ฉุดอารมณ์ของเขาให้พุ่งทะยานขึ้น
“อื้อ”
ฮยองวอนเร่งเร้าทุกการกระทำไปตามแรงอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้น เสียงครางอื้ออึงที่ดังไม่ขาดสายเป็นการจุดชนวนดี ๆ นี่เอง ก่อนจะซุกใบหน้าลงที่ซอกคอขาวอันมีร่องรอยที่เกิดจากตัวเขาอยู่ แล้ววกเข้าไปที่หลังใบหู พลางกดจูบตำแหน่งของการบอนด์ย้ำ ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้คนตัวเล็กได้รับรู้ว่ามีเจ้าของแล้ว
ร่องรอยของการถูกบอนด์เริ่มฉายชัดมากขึ้น ฮยองวอนลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วเอ่ยกระซิบชิดใบหู
“รู้ตัวไหมว่านายตอนไม่ดื้อน่ารักขนาดไหน”
ยิ่งฮยองวอนหยัดกายเข้าหา ก็ยิ่งต้องรีบคว้าเอาไว้ราวกับกลัวว่าจะออกห่าง
“พรุ่งนี้ยังจะดื้อกับฉันอยู่ไหม”
ชางกยุนไม่ตอบ ได้แต่หลับหูหลับตากอดฮยองวอนเอาไว้เมื่อคลื่นพายุลูกสุดท้ายกำลังเดินทางมาถึง
เสียงร้องครางดังระงมดังไปทั่วทั้งห้อง จวบจนร่างกายแรงกระตุกเกร็ง ขนาดตัวตนที่ใหญ่ขึ้นของอัลฟ่าล็อกเข้าพอดีกับภายในช่องทางสีหวาน
น็อท...
มันคือการน็อท
และการน็อทที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ชางกยุนต้องรวบรวมกำลังที่หลงเหลือที่คล้ายจะเป็นเฮือกสุดท้ายปรือตาขึ้นต่อว่าอีกฝ่ายเสียงแข็ง
“ทำอะไรของคุณ คุณนี่มัน...” ชางกยุนหอบหายใจออกมาอย่างแรง พร้อมดันร่างให้อีกฝ่ายออกห่าง แต่แล้วก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บจากใจกลางร่าง ใบหน้าเหยเกจนคนเห็นได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
“ชอบเจ็บตัวหรือยังไง อยู่นิ่ง ๆ”
ร่างสูงรวบร่างที่อยู่ใต้ร่างเข้ามาแนบอก แล้วนอนลงข้างกัน แต่คนที่เด็กกว่าหลายปีก็เอาแต่ดันให้เขาออกห่างอยู่นั่น รู้ทั้งรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ก็ยังจะทำ
“ออกไป”
“ออกไม่ได้”
ชางกยุนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แต่ฟีโรโมนของฮยองวอนที่ยังฟุ้งอยู่กลับวนเข้ามาปั่นป่วนเขาอีกแล้ว... เขาหลับตาลงอย่างเชื่องช้า พยายามตั้งสติก่อนจะถามกลับโดยไม่คิดมองหน้าอีกฝ่าย
“มันนานแค่ไหน”
“สามชั่วโมง”
“...”
“หรือมากกว่านั้น”
ชางกยุนอ้าปากค้าง กะพริบตาปริบ ๆ มองอีกฝ่ายอย่างตกใจ
“ไม่เอา ผมไม่อยู่แบบนี้กับคุณนะ”
“ไม่เอาแล้วทำอะไรได้”
“...”
“นายไม่เคยทำอะไรได้เลยนอกจากเถียงฉัน”
ชางกยุนเบนใบหน้าหนีออกห่าง แต่แล้วแรงกอดกระชับก็ยิ่งเพิ่มตามมาจนปลายจมูกของฮยองวอนสัมผัสลงกับพวงแก้มนิ่มแผ่วเบา
หัวใจสั่นระรัวเมื่อปลายจมูกโด่งไล้เบา ๆ ไปมา อยากจะเอ่ยห้ามแต่ทว่าเรี่ยวแรงตอนนี้แทบดับสูญ และแล้วเปลือกตาได้อ่อนแรงลงจนปิดสนิทในที่สุด
โดยที่ทุกอย่าง ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของอัลฟ่าผู้นำเขต
ฮยองวอนกระชับอ้อมแขน กดริมฝีปากลงกับหน้าผากเนียนแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยบอกคำบางคำ
คำที่เขาไม่คิดเลยว่าชั่วชีวิตนี้จะได้พูดกับใครสักคน
“ฝันดี”
ชางกยุนยกมือขึ้นคล้องคอร่างสูงเอาไว้แล้วพยายามเขย่งขาขึ้นหวังจะประทับริมฝีปากอีกครั้ง แต่ทว่าฮยองวอนได้ยื้อใบหน้าออก ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของอีกฝ่าย
และชางกยุนไม่ยอมแพ้ คว้าต้นคอแล้วออกแรงรั้งใบหน้าของฮยองวอนให้ต่ำลงมาหา แต่คนที่พละกำลังที่มีมากกว่าก็ไม่ได้ขยับเลยสักนิดเดียว
“ฮื่อ!” ชางกยุนตีเข้ากับหน้าอกเข้าอย่างจังเมื่อไม่ได้ดั่งใจ แล้วตวัดสายตาขึ้นมองพลางหอบหายใจออกมาอย่างแรง
อาการฮีททั้ง ๆ ที่อยู่แนบชิดกับโซลเมททรมานยิ่งเสียกว่าการอยู่คนเดียว
ยิ่งฮยองวอนไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้... ฆ่าเขาให้ตายยังดีเสียกว่า
ฮยองวอนยังคงนิ่ง และเมื่อเป็นแบบนั้นชางกยุนจึงกลั้นใจจะเดินหนีเพื่อไปสงบสติ แต่แล้วร่างกายก็ถูกกระชากกลับไปในเหตุการณ์เดิม
ริมฝีปากประกบเข้าหากันแนบชิดอีกครั้ง บดเบียดสู้กันอยู่ไม่ห่าง ร่างสูงของผู้นำเขตพาคนที่ฮีทจนหมดสภาพการเป็นคนเดิมเดินไปยังเตียงนอนแล้วล้มลงจนแผ่นหลังอีกฝ่ายชิดสู่ฟูกที่นอน
กลิ่นหอมหวานของวานิลลาที่ปล่อยออกมาจากร่างกายของคนตัวเล็กตลอดเวลา นับเป็นสิ่งที่วัดใจเขาอยู่ไม่ใช่น้อย
การอดทนอดกลั้นต่อฟีโรโมนคู่ชีวิตเป็นการกระทำที่ฝืนธรรมชาติเหมือนที่อีกฝ่ายหนีไปฉีดยาเพื่อที่จะให้อาการฮีทน้อยลง
ฝืนธรรมชาติ ย่อมถูกธรรมชาติเล่นงานกลับ จึงต้องแบ่งปันสัมผัสซึ่งกันและกันเพื่อรักษาอาการ
เจ้าของใบหน้าหล่อผละออกมาจากริมฝีปากบางที่เริ่มบวมช้ำจากแรงกดจูบ ก่อนจะขบเม้มเป็นครั้งสุดท้ายจนเกิดเสียงร้องครางออกมา เขาก้มต่ำ คลอเคลียบริเวณรอบลำคอขาวที่มีสิ่งกีดขวางอยู่
เกะกะสิ้นดี
นัยน์ตาแปรเปลี่ยนไปตามสัญชาตญาณดิบ ก่อนจะกัดปลอกคอแล้วกระชากออกจนขาดวิ่น
“อ๊ะ!” เสียงร้องด้วยความเจ็บแสบดังขึ้น ฝ่ามือเริ่มตอบสนองต่ออาการโดยการจิกปลายเล็บเข้ากับลาดไหล่กว้าง
คมเขี้ยวและปลอกคอยามขาดออกขูดโดนผิวเนื้อจนเกิดรอยแดง ริมฝีปากร้อนตามไปประทับ ลากลิ้นโลมเลียไปมาเพื่อบรรเทารอยที่เกิดขึ้น
ก่อนจะเคลื่อนกายขึ้นลอบมองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเพลิงอารมณ์ที่กำลังถูกสร้างขึ้นทีละนิด ทีละนิด...
สมองขาวโพลนราวกับถูกบดบังด้วยเมฆหมอก ครั้นจะเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งออกก็ไร้เรี่ยวแรง ในตอนนี้เขารับรู้ได้แค่เสียงที่ดังอยู่ข้างหูและสัมผัสร้อนผ่าวตามร่างกายยามฝ่ามือหนาลากผ่านเท่านั้น
“ห้ามหนีไปฉีดยาอีก”
“อื้อ”
“รับปากมา”
“ฮื่อ!” ปลายเล็บจิกลงกับลาดไหล่จนเกิดรอยพร้อมเชิดใบหน้าขึ้นเมื่อถูกเคล้นคลึงตามช่วงเอวต่ำลงไปถึงโคนขาด้านใน
“ว่าไง”
“ม ไม่.. ไม่ทำ อื้อ...”
“ไม่ทำอะไร” ร่างสูงต้อนจนอีกฝ่ายจนมุม มือหนึ่งสอดเข้ากับเอวคอด อีกข้างหนึ่งลูบคลำเคล้นคลึงไปมาที่ส่วนอ่อนไหว จนร่างกายผวาขึ้นเกาะเกี่ยวคนบนร่างเอาไว้แน่น ก่อนจะฟุบใบหน้าลงกับไหล่กว้าง
แม้เสื้อผ้าจะอยู่ครบ แต่ก็ร้อนจนแทบมอดไหม้เป็นจุณ
“ไม่.. ไม่ฉีด.. ยาแล้ว”
“ฉันจะเชื่อนายได้แค่ไหน”
“...”
“นายมันดื้อ”
“ไม่... จะไม่ดื้อ”
“เหรอ... ให้มันจริง”
“อ๊า”
พายุอารมณ์โหมซัดจนแทบครางออกมาไม่เป็นภาษา เมื่อใบหน้าของฮยองวอนโฉบลงมากดจูบเนื้อผิวที่โผล่พ้นออกมาจากสาบเสื้อ ตั้งแต่ไหปลาร้าต่ำลงมาจนถึงหน้าอก หน้าท้องหดเกร็งยามริมฝีปากร้ายหลอกล่อวนเวียนปั่นป่วนให้สติเขาแตกกระเจิง ปลายนิ้วที่เคยจิกลงกับลาดไหล่กว้างเลื่อนลงมากำเข้ากับผ้าปูที่นอนแน่น
ฮยองวอนปลดเปลื้องเสื้อผ้าคนที่นอนบิดเร่าออกได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะหยัดกายขึ้นถอดสูทตัวนอกออกเป็นอย่างแรก แล้วโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานอันแดงก่ำ เขาก้มลงมาป้อนจูบอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนเองออกอย่างรีบร้อน
ฟีโรโมนของโอเมก้าคือสิ่งที่ปลุกปั้นสัญชาตญาณดิบของอัลฟ่าให้เดือดพล่าน เฉกเช่นเดียวกับฟีโรโมนของอัลฟ่าที่ปั่นป่วนโอเมก้าจนสติแตกกระเจิง
ชางกยุนกำลังดำดิ่งลงไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ทั้งมืดมิด และเหน็บหนาว สองมือตะเกียกตะกายหวังจะให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้
แต่แล้วพายุลูกใหญ่ได้แทรกผ่านเข้ามาในร่างกาย ทั้งปวดแสบ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดี ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ย้อนแย้งที่สุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“โอ๊ย!”
เสียงโอดครวญร้องลั่นเมื่อรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมในร่างกายบางอย่าง หยาดน้ำตาสีใสเอ่อล้นเต็มรอบหน่วยตา ร่างกายดีดดิ้นไม่หยุดเมื่อรับรู้ถึงความคับแน่นที่มากยิ่งขึ้น ศีรษะทุยสะบัดไปมาพร้อมกัดกลีบปากตัวเองแน่นจนเลือดซิบอย่างต้องการหาที่ระบาย
ฮยองวอนตามมาป้อนจูบอีกครั้ง แทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากหวานฉ่ำเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กได้ทำร้ายตัวเอง ดูดเม้มและไล้กลีบปากล่างบริเวณที่ของเหลวสีแดงไหลซึมออกมาอย่างอ่อนโยน จนกระทั่งร่างที่เคยนอนแดดิ้นด้วยความเจ็บจากใจกลางร่างค่อย ๆ สงบลง
ร่างสูงละใบหน้าออกมา กดจูบไปตามใบหน้าชื้นเหงื่อ ดอมดมกลิ่นหอมหวานที่ฉุดอารมณ์ของเขาให้พุ่งทะยานขึ้น
“อื้อ”
ฮยองวอนเร่งเร้าทุกการกระทำไปตามแรงอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้น เสียงครางอื้ออึงที่ดังไม่ขาดสายเป็นการจุดชนวนดี ๆ นี่เอง ก่อนจะซุกใบหน้าลงที่ซอกคอขาวอันมีร่องรอยที่เกิดจากตัวเขาอยู่ แล้ววกเข้าไปที่หลังใบหู พลางกดจูบตำแหน่งของการบอนด์ย้ำ ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้คนตัวเล็กได้รับรู้ว่ามีเจ้าของแล้ว
ร่องรอยของการถูกบอนด์เริ่มฉายชัดมากขึ้น ฮยองวอนลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วเอ่ยกระซิบชิดใบหู
“รู้ตัวไหมว่านายตอนไม่ดื้อน่ารักขนาดไหน”
ยิ่งฮยองวอนหยัดกายเข้าหา ก็ยิ่งต้องรีบคว้าเอาไว้ราวกับกลัวว่าจะออกห่าง
“พรุ่งนี้ยังจะดื้อกับฉันอยู่ไหม”
ชางกยุนไม่ตอบ ได้แต่หลับหูหลับตากอดฮยองวอนเอาไว้เมื่อคลื่นพายุลูกสุดท้ายกำลังเดินทางมาถึง
เสียงร้องครางดังระงมดังไปทั่วทั้งห้อง จวบจนร่างกายแรงกระตุกเกร็ง ขนาดตัวตนที่ใหญ่ขึ้นของอัลฟ่าล็อกเข้าพอดีกับภายในช่องทางสีหวาน
น็อท...
มันคือการน็อท
และการน็อทที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ชางกยุนต้องรวบรวมกำลังที่หลงเหลือที่คล้ายจะเป็นเฮือกสุดท้ายปรือตาขึ้นต่อว่าอีกฝ่ายเสียงแข็ง
“ทำอะไรของคุณ คุณนี่มัน...” ชางกยุนหอบหายใจออกมาอย่างแรง พร้อมดันร่างให้อีกฝ่ายออกห่าง แต่แล้วก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บจากใจกลางร่าง ใบหน้าเหยเกจนคนเห็นได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
“ชอบเจ็บตัวหรือยังไง อยู่นิ่ง ๆ”
ร่างสูงรวบร่างที่อยู่ใต้ร่างเข้ามาแนบอก แล้วนอนลงข้างกัน แต่คนที่เด็กกว่าหลายปีก็เอาแต่ดันให้เขาออกห่างอยู่นั่น รู้ทั้งรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ก็ยังจะทำ
“ออกไป”
“ออกไม่ได้”
ชางกยุนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แต่ฟีโรโมนของฮยองวอนที่ยังฟุ้งอยู่กลับวนเข้ามาปั่นป่วนเขาอีกแล้ว... เขาหลับตาลงอย่างเชื่องช้า พยายามตั้งสติก่อนจะถามกลับโดยไม่คิดมองหน้าอีกฝ่าย
“มันนานแค่ไหน”
“สามชั่วโมง”
“...”
“หรือมากกว่านั้น”
ชางกยุนอ้าปากค้าง กะพริบตาปริบ ๆ มองอีกฝ่ายอย่างตกใจ
“ไม่เอา ผมไม่อยู่แบบนี้กับคุณนะ”
“ไม่เอาแล้วทำอะไรได้”
“...”
“นายไม่เคยทำอะไรได้เลยนอกจากเถียงฉัน”
ชางกยุนเบนใบหน้าหนีออกห่าง แต่แล้วแรงกอดกระชับก็ยิ่งเพิ่มตามมาจนปลายจมูกของฮยองวอนสัมผัสลงกับพวงแก้มนิ่มแผ่วเบา
หัวใจสั่นระรัวเมื่อปลายจมูกโด่งไล้เบา ๆ ไปมา อยากจะเอ่ยห้ามแต่ทว่าเรี่ยวแรงตอนนี้แทบดับสูญ และแล้วเปลือกตาได้อ่อนแรงลงจนปิดสนิทในที่สุด
โดยที่ทุกอย่าง ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของอัลฟ่าผู้นำเขต
ฮยองวอนกระชับอ้อมแขน กดริมฝีปากลงกับหน้าผากเนียนแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยบอกคำบางคำ
คำที่เขาไม่คิดเลยว่าชั่วชีวิตนี้จะได้พูดกับใครสักคน
“ฝันดี”
.
.
.
เหนื่อยจังเลยแง
#omgvhyungi
TBC.
.
.
เหนื่อยจังเลยแง
#omgvhyungi
TBC.